วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


“ต่างคนต่างมีหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทำเฉพาะหน้าที่นั้น เพราะว่าถ้าคนใดทำหน้าที่เฉพาะของตัว
โดยไม่มองไม่แลคนอื่น งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเหตุว่างานทุกงานจะต้องพาดพิงกันจะต้องเกี่ยวโยงกัน 
ฉะนั้นแต่ละคนจะต้องมีความรู้ถึงงานของผู้อื่นแล้วช่วยกันทำ”
           --- พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๓๓

คำสอนจากพระบรมราโชวาท
 ท่านสอนให้ประชาชนทุกคนได้รู้ว่า หากเราต้องทำงานใดก็ตามร่วมกับผู้อื่น ถึงแม้ว่าเราจะแบ่งหน้าที่ของแต่ละคนในงานนั้นเป็นส่วนๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนคนนั้นจะทำแต่ส่วนของตน ต้องทำให้เกี่ยวเนื่องกับส่วนของผู้อื่นด้วย มิฉะนั้นจะทำให้งานดำเนินไม่ราบรื่น ทุกคนต้องรู้หน้าที่ของผู้อื่นในการทำงาน และช่วยกันทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน หากต่างฝ่ายต่างทำงานแต่ส่วนของตน และไม่สนใจงานผู้อื่น ก็จะทำให้งานไม่เสร็จสมบูรณ์ตามที่ได้วางแผนไว้ อีกทั้งยังทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่ม แทนที่จะเกิดความสามัคคีในกลุ่มจากการทำงานร่วมกัน

การนำคำสอนจากพระบรมราโชวาทไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
ในชีวิตจริง ทุกคนล้วนต้องประสบปัญหากับการทำงานกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการไม่ช่วยงานของสมาชิกคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม หรือหาข้อมูลไม่ครบถ้วนและตรงตามที่สมาชิกอื่นๆในกลุ่มต้องการ แต่ถ้าเรานำคำสอนจากในหลวงมาใช้ จะทำให้งานกลุ่มของเราดำเนินการรวดเร็วและสมบูรณ์ตามที่ต้องการ เพียงแค่ทุกคนใส่ใจในการทำงานในส่วนของตนและผู้อื่น รวมถึงการช่วยเหลือเพื่อนสมาชิกในกลุ่ม ก็จะทำให้งานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเกิดความสามัคคีมากขึ้นจากการทำงานกลุ่ม 
หากเราเป็นคนที่ไม่ชอบทำงานกลุ่ม แต่ถ้าเราต้องทำงานกลุ่ม เราก็ต้องช่วยเหลือผู้อื่นเช่นเดียวกัน เพียงแค่ตั้งใจทำงานในส่วนของตนให้มากๆ และใส่ใจในงานส่วนของผู้อื่นด้วย แล้วมาปรับบางสิ่งให้เข้ากันทำให้เกี่ยวโยงกัน ผลงานที่ออกมาจะสวยงามแน่นอน

อยากนำคำสอนนี้ให้ใคร

ด.ช. เสฎฐนันท์  ยุคันธร  ม.2/12  #20 ---> เป็นบางครั้ง

หมายเหตุ : ห้อง12ไม่มีคนไม่ทำงานค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น